08. เรื่องชาวนา
พระศาสดา
เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน
ทรงปรารภชาวนาคนหนึ่ง
ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 67 นี้
วันหนึ่ง
มีโจรจำนวนหนึ่งขโมยเงินและทองเป็นจำนวนมากจากบ้านของคนรวยคนหนึ่ง
แล้วหนีมาแบ่งทรัพย์ที่ขโมยมาในนาของชายผู้หนึ่ง
แต่บังเอิญถุงบรรจุทรัพย์ประมาณหนึ่งพันกหาปณะของโจรผู้หนึ่งเกิดหล่นอยู่ในนานั้นโดยที่โจรไม่ทันสังเกต
ในเช้าวันรุ่งขึ้น
พระศาสดาทรงตรวจดูสัตว์โลกด้วยพระญาณพิเศษ
ทอดพระเนตรเห็นชาวนาซึ่งกำลังไถนามาปรากฏอยู่ในข่ายคือพระญาณ และพระองค์ทรงทราบว่า
ชาวนาผู้นี้จะได้สำเร็จพระโสดาปัตติผลในวันนั้น จึงได้เสด็จไป ณ ที่นั้น
โดยมีพระอานนท์เป็นปัจฉาสมณะ(ผู้ติดตาม)
ชาวนาเห็นพระศาสดาแล้ว ได้เข้าไปถวายบังคมแล้วไปไถนาต่อ
พระศาสดาไม่ตรัสอะไรๆกับชาวนา
เสด็จตรงไปยังที่ที่ถุงบรรจุทรัพย์หนึ่งพันกหาปณะตกอยู่ ทอดพระเนตรเห็นถุงนั้นแล้ว
จึงตรัสกะพระอานนทเถระว่า “อานนท์ เธอเห็นไหม
อสรพิษ” พระอานนทเถระทูลว่า “เห็น
พระเจ้าข้า อสรพิษร้าย”
จากนั้นพระศาสดาและพระอานนทเถระก็ได้เสด็จหลีกไปจากที่นั้น ชาวนาได้ยินถ้อยคำนั้นแล้ว
ก็ได้เดินไปตรงจุดนั้นโดยเข้าใจว่าจะต้องมีอสรพิษอยู่ที่นั่นจริงๆ แต่แทนที่จะพบอสรพิษกลับพบถุงทรัพย์ เขาจึงนำถุงทรัพย์ไปซ่อนไว้
พวกเจ้าของทรัพย์แกะรอยตามโจรมาถึงนาของชาวนาผู้นั้น
และได้พบทรัพย์ที่ถูกซ่อนไว้นั้น
จึงได้ทุบตีชาวนาแล้วนำตัวไปเฝ้าพระราชา
พระราชามีรับสั่งให้นำตัวเขาไปประหารชีวิต
เมื่อชาวนานั้นถูกนำตัวไปที่หลักประหารนั้น เขาได้แต่พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “ เห็นไหม
อานนท์ อสรพิษ เห็น พระเจ้าข้า อสรพิษร้าย”
เมื่อราชบุรุษได้ยินคำพูดซ้ำๆของชาวนานี้แล้ว ก็เกิดความสงสัยเลยนำตัวไปเข้าเฝ้าพระราชา พระราชาทรงมีพระราชวินิจฉัยว่า
ชาวนาคงอ้างพระศาสดาเป็นพยาน จึงได้นำตัวชาวนาไปเข้าเฝ้าพระศาสดา หลังจากที่ได้สดับเรื่องที่พระศาสดาทรงเล่าในเช้าวันนั้นแล้ว
พระราชาได้ทูลพระศาสดาว่า “พระเจ้าข้า
ถ้าชายผู้นี้ไม่อ้างพระองค์เป็นพยาน เขาก็จะต้องถูกฆ่าแน่ๆ” พระศาสดาจึงตรัสตอบว่า
“ผู้ฉลาดไม่พึงทำกรรมที่จะนำความเดือดร้อนมาให้ในภายหลัง”
จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 67
ว่า
น คํ กมฺมํ กตํ สาธุ
ยํ กตฺวา อนุตปฺปติ
ยสฺส อสฺสุมุโข โรทํ
วิปากํ ปฏิเสวติฯ
ทำกรรมใดแล้ว เดือดร้อนในภายหลัง
ร้องไห้น้ำตานองหน้า
เสวยวิบากของกรรมใด
กรรมนั้นทำแล้ว ไม่ดีเลย.
เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง อุบาสกชาวนา
ได้บรรลุพระโสดาปัตติผล
ส่วนภิกษุผู้มาประชุมกันเป็นอันมาก
ก็บรรลุพระอริยผลทั้งหลาย มีพระโสดาปัตติผลเป็นต้น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น