08.เรื่องภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน
ทรงปรารภภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมบท
พระคาถาที่ 31 นี้
มีภิกษุรูปหนึ่ง
หลังจากรับพระกัมมัฏฐานจากพระศาสดาแล้ว ก็ได้เข้าไปปฏิบัติพระกัมมัฏฐานในป่า
แม้ว่าท่านจะได้ทำความพยายามอย่างเต็มที่แล้ว
ก็มีความก้าวหน้าในการปฏิบัติพระกัมมัฏฐานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ท่านจึงมีความเก็บกดอยู่ภายใน
ท่านมีความคิดว่าควรที่ท่านจะกลับไปขอคำแนะนำพิเศษมากยิ่งขึ้นจากพระศาสดา จึงได้ออกเดินทางจะไปพระเชตวัน
ในระหว่างทางท่านเห็นไฟป่าลุกไหม้อยู่
ก็ได้วิ่งขึ้นบนภูเขามองลงมาดูไฟป่านั้นจากที่สูง
ขณะที่ไฟฟ้ากำลังไหม้ลุกลามอยู่นั้น ท่านก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า “ไฟป่านี้ไหม้เชื้อเพลิงทุกสิ่งทุกอย่างทั้งใหญ่และน้อยฉันใด
อริยมรรคญาณก็จะไหม้สังโยชน์ทุกอย่างทั้งใหญ่และน้อย ฉันนั้น”
พระศาสดา
ประทับนั่งในพระคันธกุฎีที่วัดพระเชตวัน ทรงทราบความคิดของพระภิกษุรูปนั้น
จึงแผ่พระรัศมีไปปรากฏอยู่เบื้องหน้าของท่าน
“ดูก่อนภิกษุ” พระศาสดาตรัส
“เธอคิดถูกต้องแล้ว จงคิดเช่นนั้นต่อไปเถิด สัตว์ทั้งหลายพึงเผาสังโยชน์เหล่านั้นด้วยไฟคือมรรคญาณ”
จากนั้นพระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 31
ว่า
อปฺปมาทรโต ภิกฺขุ
ปมาเท ภยทสฺสี วา
สญฺโญชนํ อณุ ถูลํ
ฑหํ อคฺคี ว คจฺฉติ
นิพฺพานสฺเสว สันฺติเกฯ
ภิกษุยินดีในความไม่ประมาท
เห็นโทษในความประมาท
จะเผาสังโยชน์(กิเลส) ทั้งหยาบและละเอียดทั้งหมด
เหมือนไฟเผาเชื้อเพลิงมากและน้อยไป.
เมื่อจบพระสัทธรรมเทศนา ภิกษุรูปนั้นได้บรรลุพระอรหัต
พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย
ได้เหาะมาทางอากาศมา
มาชมเชยพระสรีระของพระตถาคต
ซึ่งมีพรรณดุจทองคำ ถวายบังคม
แล้วหลีกไป.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น