11 เรื่องธัมมิกอุบาสก
เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ที่วัดพระเชตวันในกรุงสาวัตถี ได้ตรัสพระธรรมบทพระคาถาที่ 16
โดยปรารภอุบาสกชื่อธรรมิกะ
ครั้งหนึ่งในกรุงสาวัตถีมีอุบาสกคนหนึ่งชื่อธรรมิกะ
เป็นผู้ใจบุญใจกุศลชอบทำบุญให้ทาน
เขาจะถวายทานแก่ภิกษุสงฆ์อย่างสม่ำเสมอทุกวัน และในโอกาสสำคัญต่างๆ เขาเป็นหัวหน้าของอุบาสกอีกจำนวน 500
คนซึ่งอยู่ในนครสาวัตถีนี้ เขามีบุตร 7 คน
และธิดา 7 คน
และบุตรธิดาทุกคนก็เหมือนกับบิดาคือเป็นผู้มีใจบุญใจกุศลชอบถวายทาน อยู่มาวันหนึ่งธรรมิกอุบาสกเกิดป่วยหนักมีอาการใกล้จะตาย
เขาได้ขอร้องบุตรธิดาให้ส่งคนไปนิมนต์พระสงฆ์มาสวดพระสูตรศักดิ์สิทธิ์ขณะที่เขานอนอยู่บนเตียงขณะใกล้จะตาย ขณะที่พระภิกษุสงฆ์กำลังสวดมหาสติปัฏฐานสูตรอยู่นั้น ก็มีรถที่ประดับตกแต่งงดงามมากจำนวน 6
คันจากสวรรค์ชั้นต่างๆมาจอดรอเขาเพื่อเชิญให้เขาไปอยู่ในสวรรค์ในชั้นต่างๆ
ธรรมิกอุบาสกได้บอกรถเหล่านั้นให้รอก่อนสักครู่อย่าได้เพิ่งมาเพราะจะรบกวนขัดจังหวะการสวดพระสติปัฏฐานสูตรของพระภิกษุสงฆ์ ข้างพระภิกษุสงฆ์ที่สวดอยู่นั้นเข้าใจว่าธรรมิกอุบาสกต้องการให้พวกท่านหยุดสวดจึงได้เลิกสวดและเดินทางกลับวัด
ชั่วครู่ต่อมาธรรมิกอุบาสกก็ได้บอกกับบวกบุตรธิดาของตนว่ามีรถทิพย์จำนวน
6 คันมาจอดรอเพื่อรับเขาอยู่
และในที่สุดเขาได้ตัดสินในเลือกรถที่ส่งมาจากสวรรค์ดุสิต
และได้บอกให้ลูกคนหนึ่งโยนพวงมาลัยไปคล้องรถคันที่มาจากสวรรค์ชั้นดุสิตนั้น พอธรรมิกอุบาสกสิ้นใจตายก็ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตนั้นจริงๆ
เพราะฉะนั้น คนที่ทำความดีย่อมจะบันเทิงในโลกนี้และในโลกนี้
ต่อมาพระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบทพระคาถาที่ 16
นี้ว่า
อิธ โมทติ เปจฺจ โมทติ
กตปุญฺโญ อุภยตฺถ โมทติ
โส โมทติ โส ปโมทติ
ทิสฺวา กมฺมวิสุทฺธิมตฺตโนฯ
คนทำบุญกุศลไว้แล้ว ย่อมบันเทิงในโลกทั้งสอง
คือบันเทิงในโลกนี้
ล่วงลับไปแล้วก็ไปบันเทิงในโลกหน้า
เขาย่อมร่าเริง บันเทิงใจ
เพราะมองเห็นกรรมบริสุทธิ์ของตนเอง.
ชนเป็นอันมากได้บรรลุโสดาปัตติผลเป็นต้น
พระธรรมเทศนามีประโยชน์แก่มหาชน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น