วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ยมกวรรค:12เรื่องพระเทวทัต



12เรื่องพระเทวทัต

เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ที่วัดพระเชตวันกรุงสาวัตถี ได้ตรัสพระธรรมบทพระคาถาที่ 17 โดยปรารภพระเทวทัต

ครั้งหนึ่งพระเทวทัตพำนักอยู่กับพระศาสดาที่กรุงโกสัมพี  ขณะที่พำนักอยู่ ณ ที่นั้นพระเทวทัตมีความตระหนักว่าพระศาสดาทรงได้รับความเคารพ ความนับถือและลาภจากประชาชนมาก จึงมีความริษยาพระศาสดาและมีความปรารถนาอยากเป็นประมุขสงฆ์  วันหนึ่งขณะที่พระศาสดาทรงแสดงพระธรรมเทศนาอยู่ที่วัดพระเวฬุวันนครราชคฤห์ ก็ได้เข้าไปเฝ้าพระศาสดาทูลว่าพระองค์ทรงชราภาพแล้วควรจะได้ถ่ายโอนความรับผิดชอบคณะสงฆ์ให้แก่พระเทวทัตเสีย  พระศาสดาทรงปฏิเสธข้อเสนอของพระเทวทัตโดยตรัสว่าพระเทวทัตเป็น บุคคลกลืนกินน้ำลายของผู้อื่นต่อมาพระศาสดาได้ทรงขอให้พระสงฆ์ดำเนินการ ประกาศนียกรรม” (ทำนองลอยแพไม่คบหาสมาคมด้วย)ต่อพระเทวทัต

พระเทวทัตมีความเดือดร้อนและประกาศว่าจะทำการแก้เผ็ดพระศาสดา  ท่านได้พยายามสังหารพระศาสดาถึง 3 ครั้ง โดยครั้งแรกไปว่าจ้างนายขมังธนูให้มาลอบยิง  ครั้งที่สองขึ้นไปกลิ้งหินลงมาจากภูเขาคิชฌกูฏเพื่อจะให้ทับพระศาสดา และครั้งที่สามปล่อยช้างนาฬาคิรีให้เข้าทำร้าย  ทว่านายขมังธนูไม่สามารถทำร้ายพระศาสดาได้และได้เดินทางกลับไปหลังจากที่ได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดาจนได้บรรลุพระโสดาปัตติผลแล้ว   หินที่กลิ้งลงมาจากเขาคิชฌกูฏไม่สามารถทำร้ายพระศาสดาเพียงแต่มีสะเก็ดหินแตกมากระทบแค่ทำให้พระโลหิตห้อเท่านั้น  และเมื่อช้างนาฬาคีรีวิ่งมาจะทำร้ายพระศาสดาได้ทรงแผ่เมตตาให้จนช้างนั้นเชื่อง  แต่พระเทวทัตก็ยังไม่ละความพยายาม  ได้พยายามหาเล่ห์เพทุบายอย่างอื่น โดยได้พยายามทำลายสงฆ์ด้วยการแยกพระบวชใหม่จำนวนหนึ่งไปอยู่ที่คยาสีสะ แต่อย่างไรก็ตามในที่สุดพระเหล่านี้ได้ถูกพระสารีบุตรและพระมหาโมคคัลลานะพากลับมาได้สำเร็จ

ต่อมาพระเทวทัตอาพาธหนัก  เมื่อท่านอาพาธอยู่ได้ 9 เดือนก็ได้ขอให้สานุศิษย์พาท่านมาเพื่อจะเฝ้าพระศาสดา  พวกศิษย์จึงหามท่านมาขึ้นแคร่ที่วัดพระเชตวัน  เมื่อพระศาสดาได้สดับว่าพระเทวทัตถูกหามมาเฝ้าก็ได้ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่าพระเทวทัตไม่มีโอกาสที่จะได้เฝ้าพระองค์

เมื่อพระเทวทัตและคณะเดินทางมาถึงที่สระในบริเวณพระเชตวัน  พวกศิษย์ที่ทำหน้าหามได้วางแคร่ลงที่ริมสระและได้ลงไปอาบน้ำกันอยู่นั้น  พระเทวทัตได้ลุกขึ้นจากแคร่แล้ววางเท้าลงที่พื้นดิน พลันเท้าทั้งสองข้างของท่านก็ถูกธรณีสูบจมหายลงไปในแผ่นดิน  ที่พระเทวทัตไม่มีโอกาสได้เฝ้าพระศาสดาก็เพราะกรรมชั่วที่ท่านได้กระทำต่อพระศาสดา  หลังจากถูกธรณีสูบแล้วพระเทวทัตได้ไปเกิดในนรกขุมอเวจี อันเป็นนรกที่ถูกทรมานอย่างโหดร้ายรุนแรงอย่างต่อเนื่อง

จากนั้นพระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบทพระคาถาที่ 17 ว่า

อิธ ตปฺปติ เปจจ ตปฺปติ
ปาปการี อุภยตฺถ ตปฺปติ
ปาปํ เม กตนฺติ ตปฺปติ
ภิยฺโย ตปฺปติ ทุคฺคตึ คโตฯ

คนทำบาปย่อมเดือดร้อนในโลกทั้งสอง
คือย่อมเดือดร้อนในโลกนี้
ละจากโลกนี้ไปแล้ว ย่อมเดือดร้อนในโลกหน้า
เขาเดือดร้อนในขณะมีชีวิตว่าเราทำบาปไว้แล้ว
เมื่อไปสู่ทุคคติก็ย่อมเดือดร้อนยิ่งขึ้นอีก

ชนเป็นอันมากบรรลุโสดาปัตติผลเป็นต้น พระธรรมเทศนาได้มีประโยชน์แก่มหาชน.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น